วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553





เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เป็นการชิงชัยวันสุดท้าย ไฮไลท์อยู่ที่การเล่นรอบชิงชนะเลิศประเภททีมชุดทั้งชายและหญิง โดยทีมชาย นักตบลูกพลาสติกไทย พบ "โสมขาว" เกาหลีใต้ ที่พลิกล็อกโค่น "เสือเหลือง" มาเลเซีย มาในรอบตัดเชือก เริ่มต้นการเล่นในทีมชุดเอ ไทยส่ง เกรียงไกร แก้วเมียน ยืนแบ็ก มี ภัทรพงษ์ ยุพดี เล่นหน้าซ้ายตัวชง และอนุวัฒน์ ชัยชนะ เป็นหน้าขวาตัวฟาด เจอทีมชุดใหญ่ของแดนโสมขาว ประกอบด้วยแบ็ก ควอน ยอค จิน, อิม ฮัน ซู หน้าขวาทำ และจอง วอน ด็อก ซ้ายชง โดยตลอดการเล่นทีมไทยอาศัยการเสิร์ฟของเกรียงไกร กับการขึ้นทำของอนุวัฒน์ ทำแต้มอย่างได้ผล ก่อนชนะไปไม่ยาก 21-16, 21-18 ขึ้นนำก่อน 1-0 ทีม จากนั้นเป็นการเล่นทีม บี ทีมไทยวาง "เจ้าดิว" ศิริวัฒน์ สาขา แบ็กดาวรุ่ง ลงพร้อมกับ 2 ตัวเก๋า พรชัย เค้าแก้ว หน้าขวาตัวฟาด และสุริยัน เป๊ะชาญ หน้าซ้ายตัวชง ซึ่งเกมก็ออกมาในรูปเดิม ทีมไทยที่มีการเสิร์ฟและขึ้นทำที่เฉียบขาดกว่า ชนะไป 21-17, 21-12 เป็นฝ่ายชนะ 2-0 ทีม คว้าแชมป์สมัยที่ 23 มาครองได้สำเร็จ หลังการแข่งขัน นายกมล ตันกิมหงษ์ หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชของไทย กล่าวว่า การเล่นในศึกคิงส์คัพครั้งนี้ มีการลองใช้นักกีฬาหน้าใหม่หลายคน ไม่ว่า สหชาติ สาครเจริญ, ศิริวัฒน์ สาขา และวีระวุฒิ ณ หนองคาย ทุกคนถือว่าทำผลงานได้น่าพอใจ แต่ก็ต้องปรับปรุงฟอร์มกันอีกพอสมควร ก่อนที่จะไปเข้าร่วมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กวางโจว ประเทศจีน เพราะจะต้องตัดตัวจากที่เรียกเก็บไว้ 22 คน ให้เหลือแค่ 12 คน ส่วนกรณีของ "เจ้าโจ้" สืบศักดิ์ ผันสืบ บอกได้เลยว่า ถ้ามีความฟิตเท่ากับตอนนี้ ยังไงก็ติดทีมแน่นอน เพราะประสบการณ์จะสามารถช่วยน้องๆ ในทีมได้มาก ขณะที่ทีมชุดหญิง สาวไทยพบคู่ปรับตลอดกาลอย่างเวียดนาม ทีม เอ ทั้งคู่ขนชุดใหญ่ใส่กันเต็มๆ โดยไทยส่ง "เพชฌฆาตใบ้" นิตินัดดา แก้วคำไสย์ ยืนแบ็ก มี มัสยา ด้วงศรี เป็นหน้าซ้ายชง และ ธิดาวรรณ ดาวสกุล เป็นหน้าขวาทำ ส่วนเวียดนามมี เหงียน ที บิค ทุย เป็นแบ็ก, เหงียน ไฮ เทา เป็นหน้าขวา และลู ทิ ทัน หน้าซ้าย เซตแรกทีมไทยเล่นแน่นอนกว่า ชนะก่อน 21-15 จากนั้นในเซตถัดมา หลังจากทำแต้มเบียดกันสูสีที่เวียดนามนำอยู่ 11-10 สาวญวนก็เร่งเกมเสิร์ฟอย่างได้ผล ทำแต้มแซงก่อนเอาชนะได้บ้าง 21-14 ตีเสมอเป็น 1-1 ต้องเล่นเซตสุดท้ายตัดสิน ซึ่งทีมไทยอาศัยความนิ่งกว่า ชนะได้อีก 15-10 ขึ้นนำก่อน 1-0 จากนั้นเป็นทีม บี ไทยส่ง วันวิสาห์ จันทร์แก่น แบ็กดาวรุ่ง ลงมาเสิร์ฟ ดารณี วงศ์เจริญ เล่นหน้าขวา และแก้วใจ พุ่มสว่างแก้ว ยืนคุมหน้าซ้าย ดวลกับสาวญวนอย่างดุเดือด ก่อนชนะ 2-0 เซต 21-17, 21-14 ทำให้สาวไทยชนะ 2 ทีมรวด คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 13 ติดต่อกัน และทำให้ทีมไทยกวาดแชมป์ในรายการนี้ไปครบทั้ง 6 รายการที่ลงแข่งขัน โดยก่อนหน้านี้คว้าเหรียญทองในประเภทลอดห่วงชาย-หญิง และทีมคู่ชาย-หญิง มาแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น